Wednesday, November 9, 2016

HALLS


ประวัติของลูกอมฮอลล์
       ถือกำเนิดขึ้นโดย Mr.Hall เป็นผู้ที่ค้นพบสรรพคุณของเมนทอสและยูคาลิปตัส(หรือที่เรียกกันอย่างติดปากว่า เมนโทร-ลิปตัส) ถือได้ว่ามีอายุเก่าแก่ถึง 230 ปี ต่อมามีการเปลี่ยนมือผู้ร่วมทุนหลายครั้งปัจจุบัน แคดเบอรี อาดัมส์ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทในเครือบริษัทแคดเบอรี่ชแวป Cadbury Schweppes)ในประเทศอังกฤษ มีพนักงานราว 2,000 คนในประเทศไทย และ 55,000 คน ใน 35 ประเทศทั่วโลก ส่วนของฮอลล์มีวางขาย 24 ประเทศ ต้นตำรับประเทศอังกฤษบริษัท แคดเบอรี่ ไม่ได้มีสินค้าแค่ลูกอมเท่านั้น ยังมีสินค้าอีกหลายชนิดทั้งลูกอม หมากฝรั่ง ช็อคโกแลต รวมทั้งเครื่องดื่ม ในส่วนของประเทศไทยเน้นหนักที่สินค้าประเภทขนมหวาน ลูกอมฮอลล์ถือเป็นพี่ใหญ่ของบริษัท โดยลูกอมฮอลล์และหมากฝรั่งจะมีส่วนแบ่งรายได้ประมาณ 80% ของบริษัทฯ
ยุคแรกของการทำตลาด
        เริ่มแรกของการทำตลาดลูกอมฮอลล์ใช้วิธีการไปกับหนังกลางแปลง ที่อาจจะมองแล้วเชยในปัจจุบัน แต่เมื่อเทียบกับสภาพสังคมในอดีตต้องถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่เข้าถึงผู้บริโภคอย่างแท้จริง อาณัติ จุลินทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคดเบอรี อาดัมส์ (ประเทศไทย) จำกัด ย้อนอดีตให้ฟังว่า เท่าที่ฟังมาจากคนเก่าๆ ซึ่งอยู่มานาน เล่าว่า เดิมขายฮอลล์โดยเอาหนังกลางแปลงไปฉาย แล้วขายไปกับรถเร่ เป็นการสร้าง brand awareness ในสมัยนั้น มีการทำหนังโฆษณาฉายก่อน ซึ่งก็ได้ผลดี ฮอลล์กลายเป็นที่รู้จักเร็วขึ้น
        ลูกอมฮอลล์เมื่อเข้าสู่เมืองไทยต้องปรับตัวหลายประการ ในต่างประเทศรูปแบบการบรรจุฮอลล์จะมีปริมาณมากกว่ามีลักษณะเป็นแท่งและให้กระดาษหุ้มแยกเม็ด (troop) ส่วนประเทศไทยหรือประเทศกำลังพัฒนาใช้ฉลากพลาสติกซึ่งบรรจุแยกเม็ดเพื่อให้แยกขายได้ง่าย
ด้านการรับรู้เกี่ยวกับตัวสินค้าของผู้บริโภค อาณัติอธิบายว่าได้วาง Position ของ ลูกอมฮอลล์ไว้ที่สินค้าrefreshment ตั้งแต่ยุคแรก
       “ในต่างประเทศฮอลล์เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ Mediated ช่วยลดอาการละคายคอ ส่วนประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศในเขตร้อนก็จะใช้เพื่อความชุ่มคอซึ่งเป็นจุดขายที่ชัดเจนทำให้ ฮอลล์ประสบความสำเร็จในการการทำตลาดอย่างรวดเร็วตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

การดำเนินกิจการ : ยังคงดำเนินกิจการมาได้ถึงปัจจุบันนี้และกระแสการตอบรับดีมาก
วิเคราะห์ : น่าจะเป็นเพราะการตลาดที่ทำเรื่องโฆษณาออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตัวโฆษณาเองนั้นสั้นกระชับ เข้าใจง่าย ปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย หรือกลุ่มเป้าหมายนอกจากนักเรียนนักศึกษาแล้ว ยังเน้นวัยทำงานทั้งเพศหญิงเพศชาย การเน้นนวัตกรรมต่างๆ ที่มีมาต่อเนื่อง มีหลายรสชาติมาก การวางตำแหน่งตัวเองในตลาด การปรับตัวอย่างตลอดมา



ถือเป็นอีกหนึ่งจะตลาดที่ยังสามารถเติบโตได้ดีในภาวะที่ ปัญหาเศรษฐกิจส่งผลกระทบไปทุกวงการ สำหรับ ตลาดลูกอมที่ในปี 2558 โตขึ้นถึง 6.7% และคาดการณ์ว่า ปี 2559 จะสามารถเติบโตในอัตราที่เท่ากันหรืออาจจะมากกว่า
       เซกเมนต์ลูกอมเม็ดแข็ง เป็นกลุ่มที่เติบโตสูงสุดถึง 11.8% โดยมี ฮอลล์เป็นเจ้าตลาดในเซกเมนต์นี้ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 56% ตามมาด้วย เซกเมนต์อื่นๆ ที่โต 8.4%, เซกเมนต์เยลลี่เคี้ยวหนึบ โต 6.4%, เซกเมนต์ลูกอมอัดเม็ด โต 2.2% และเซกเมนต์ลูกอมเคี้ยวหนึบ ที่โตน้อยที่สุดเพียงแค่ 1.1% โดยมีการวางจำหน่ายใน Modern Trade มากที่สุดถึง 70% ตามมาด้วย Traditional Trade ที่มีสัดส่วนอยู่ 30%


ปัจจุบันคนไทยยังคงทาน ลูกอมด้วยเหตุผลหลักที่ต้องการ ความสดชื่นโดยถ้ายี่ห้อไหนที่ให้ ความสดชื่นมาก ก็จะเลือกยี่ห้อนั้น ตามมาด้วยการดับกลิ่นปาก, เพลิดเพลิน และ แก้เบื่อ ซึ่งถ้า แบรนด์ ไหนสามารถตอบสนองความ ต้องการของผู้บริโภคได้ตรงจุดก่อนก็จะชิงความได้เปรียบจากผู้เล่นรายอื่นๆ อีกอย่างหนึ่งคือการหา “insight” ให้กับตัวสินค้า ก็จะสามารถชิงความได้เปรียบได้เช่นกัน

ล่าสุด เบอร์ 1” ของตลาดลูกอมได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ตั้งแต่ต้นปี เพื่อชิงความได้เปรียบจาก ผู้เล่นรายอื่นๆในตลาด โดยคาดหวังให้เป็นการกระตุ้นตลาดลูกอมในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งถือเป็นช่วงวัดใจว่าจะ รุ่งหรือ ร่วงสำหรับปีวอก นอกจากนี้ยังต้องกระตุ้นความถี่ในการบริโภคของผู้บริโภคให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม มีเดียมที่เป็นกลุ่มใหญ่มีสัดส่วนถึง 70% ให้พัฒนามาเป็นกลุ่ม เฮฟวี่ที่มีขนาดคิดเป็นมูลค่าถึง 50% ของตลาดให้มีสัดส่วนที่มากกว่านี้ ถือเป็นการโยน เชื้อเพลิงก้อนแรกของปีลงในสมรภูมิ ที่ช่วยสร้างความร้อนระอุในการแข่งขัน และทำให้ ตลาดลูกอมเป็นที่น่าจับตามองอีกหนึ่งตลาดสำหรับปีนี้


ฮอลล์มีกี่รสชาติ
       ในช่วงปี 2503 ฮอลล์รสแรกที่วางขายในไทยคือ รสเมนโทลิปตัส ตามด้วยรสรวมที่รวมปผลไม้หลายรสไว้ในกระป๋องเดียว ได้แก่ รสเชอร์รี่ รสน้ำผึ้งผสมกลิ่นเลม่อน รสมะนาว รสขิง รสชะเอม ซึ่งรสชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดยุคนั้นคือ รสน้ำผึ้งผสมกลิ่นเลม่อน และ รสเมนโทลิปตัส ต่อมาในช่วงระหว่างปี
       พอเข้าช่วงปี 2533-2543 ฮอลล์ออกรสมะนาว รสราสพ์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เฟรชมินต์ และ รสกีวีแอปเปิ้ล เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ในยุคนั้นให้มากยิ่งขึ้น และฮอลล์ยังแนะนำผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ เป็นแบบแท่งและแบบแผงเพื่อให้พกพาสะดวกและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เป็นยุคที่ฮอลล์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มากมายได้แก่
ฮอลล์ ไอซ์   เจาะกลุ่มตลาดผู้บริโภคที่อายุมากขึ้นเสริมสร้างภาพลักษณ์ของคนเมือง
ฮอลล์ ฟรุตตี้   ลูกอมสอดไส้รสผลไม้ เพิ่มลูกเล่นให้กับผลิตภัณฑ์
ฮอลล์ ซอฟต์   ครั้งแรกของฮอลล์ ที่ออกลูกอมเคี้ยวหนึบสองรสชาติในหนึ่งเดียว
ล่าสุดปี 2557 ฮอลล์เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ ฮอลล์ เอ็กซ์เอสลูกอมเม็ดเล็กที่คงความเย็นสดชื่น มาในกล่องสีดำพกพาง่าย ซึ่งประสบความสำเร็จด้านยอดขายเป็นอย่างมาก
STP
Segmentation แบ่งโดยใช้หลักของ demographic โดยแบ่งออกเป็น เพศ ช่วงอายุ อาชีพ และมีการใช้หลัก geographic โดยใช้พื้นที่ทางภูมิศาสตร์คือนอกเมืองและในเมือง

Target Group
       โดยกลุ่มลูกค้าหลัก คือ กลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มีฐานที่กว้าง เรียกว่าครอบคลุมตั้งแต่เด็กวัยรุ่น จนถึงผู้ใหญ่ ในขณะที่บริษัทฯ ได้พัฒนาตัวสินค้าเพื่อเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น และมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความถี่ในการบริโภคของลูกอมเพิ่มขึ้น
       ลูกค้าจะแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเฮฟวี่ คือกลุ่มลูกค้าที่อมฮอลล์ทุกวัน และกลุ่มมีเดียม คือกลุ่มลูกค้าที่อมฮอลล์สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง และกลุ่มไลฟ์ คือกลุ่มลูกค้าที่อมฮอลล์เดือนละครั้ง โดยมีสัดส่วนจำนวนของกลุ่มลูกค้าที่ 20:70:10 ตามลำดับ ในขณะที่บริษัทฯ ได้พัฒนาตัวสินค้า เพื่อเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านความสดชื่น ดับกลิ่นปาก ผ่อนคลาย หรืออร่อย ทั้งนี้เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าในกลุ่มไลฟ์ และกลุ่มมีเดียมขึ้นไปสู่กลุ่มเฮฟวี่ในที่สุดนั่นเอง




 Positioning
ฮอลล์ มีการวาง positioning กับผู้บริโภค  คือ เมื่อผู้บริโภคต้องการอยากกินลูกอมเพื่อความสดชื่น แก้เหนื่อย หรือต้องการความชุ่มคอ ให้นึกถึงลูกฮอลล์ ตามสโลแกนของฮอลล์ที่ว่า เย็น สดชื่น ชุ่มคอและด้วยประวัติที่ยาวนานของฮอลล์ ทำให้ผู้บริโภคนึกถึงฮอลล์เมื่อต้องการความสดชื่น ชุ่มคอ

การทำการสื่อสารการตลาดของทาง Halls Thailand

โฆษณา (Advertising) 
โฆษณาทางโทรทัศน์



โฆษณา ณ จุดขาย(Point of Purchase)
การสื่อสาร ณ จุดซื้อ จึงมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นด่านสุดท้ายของการตัดสินใจซื้อผลการวิจัยหลายฉบับของต่างประเทศ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าผู้บริโภคจำนวน 60% ซื้อสินค้า เพราะถูกหลอกล่อด้วย POP


Sale Promotion
โดยส่วนมากจะเน้นไปที่การลด แจก แถม จะเห็นได้จาก การฉลองครอบรอบ 50 ปี ซึ่งได้มีโปรโมชั่นมากมาย นอกจากนี้ ฮอลล์ยังได้มีการทำ sale promotionที่เน้นการแจกเป็นพิเศษ  เช่น  แจกทองคำ โดยให้ผู้บริโภค พิมพ์รหัสส่งเข้าไปร่วมล้น

 ฮอลล์ฉลองครบรอบ 50 ปี ด้วยแพคเกจลิมิเต็ด เอดิชั่น พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ



บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านขนมและของว่าง ตอกย้ำแบรนด์ ฮอลล์ในฐานะผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดลูกอม พร้อมเฉลิมฉลองการอยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานผ่านแคมเปญสุดพิเศษ “50 ปี เย็นสดชื่นลูกอมอันดับหนึ่งคู่คนไทยแนะนำแพคเกจลิมิเต็ด เอดิชั่น โดดเด่นด้วย ฮอลล์ เลดี้หญิงสาวข้างกระป๋องฮอลล์สุดคลาสสิก หนึ่งในเอกลักษณ์อันน่าจดจำที่กลับมาสร้างสีสันอีกครั้งบนบรรจุภัณฑ์ ฮอลล์รุ่นพิเศษ พร้อมโปรโมชั่นอีกมากมาย เพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าและเพิ่มความถี่ในการบริโภคของลูกค้า
       สัมผัสความเย็นสดชื่นกับลูกอมฮอลล์ 2 รสชาติยอดนิยม ได้แก่ ฮอลล์รสน้ำผึ้งผสมกลิ่นเลมอน (Honey-Lemon) และ ฮอลล์รสเมนโท-ลิบตัส (Mentho-Lyptus) ในรูปแบบแพคเกจลิมิเต็ด เอดิชั่น ฉลองครบรอบ 50 ปี ทั้งแบบแผงในราคา 10 บาท แบบถุง 11 เม็ดในราคา 10 บาท และแบบแพ็ค 100 เม็ด (พร้อมแถมฟรีอีก 15 เม็ด) ในราคา 49.50 บาท
       พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษต่างๆ อาทิ ซื้อ 2 แผง รับฟรี 1 แผง ในเดือนมกราคม และข้อเสนออีกมากมายในเดือนกุมภาพันธ์ อาทิ ซื้อ 2 ถุง ในราคาเพียง 14 บาท, รับฟรี กระเป๋าผ้า เมื่อซื้อแบบแพ็ค 89 เม็ด, และรับฟรีกล่องภาชนะบรรจุอาหาร เมื่อซื้อแบบแพ็ค 250 เม็ด และ 350 เม็ด เป็นต้น
12 มกราคม 2559

ฮอลล์เย็นเหลือเชื่อ แจกล้นเหลือ ทอง 100 เส้น
ลุ้นรับโบนัสกับฮอลล์ทุกวัน ที่ 7-11 : เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ฮอลล์ ชนิดใดก็ได้* ครบ 20 บาท ขึ้นไป (ต่อใบเสร็จ) รับสิทธิ์ลุ้นรางวัลมูลค่ากว่า 500,000 บาท
พิมพ์ HL เว้นวรรค ตามด้วยเลขที่ใบเสร็จ 10 หลัก (หลังตัว R#)

ส่ง SMS มาที่ 4712011 (ครั้งละ 3 บาท)


Public and Relation

ฮอลล์ ฉลอง 50 ปี จับ “ฮอลล์ เลดี้” คัมแบ็ก

 


หลายคนอาจจะคุ้นเคย หรือเคยเห็นกับกล่องเหล็กบรรจุลูกอม “ฮอลล์” ที่จะมีรูปผู้หญิงวินเทจประทับอยู่ข้างกล่อง หรือเรียกว่า “ฮอลล์ เลดี้” ซึ่งได้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ไปแล้วเรียบร้อย แต่ฮอลล์เองก็ได้ปรับโฉมแพ็กเกจจิ้งอยู่เป็นประจำทุกปี ทำให้ในช่วง 10 หลังมานี้ ไม่ได้เห็นฮอลล์ เลดี้ปรากฏเลย แต่ในปีนี้ฮอลล์ได้ใส่เกียร์เดินหน้าบุกตลาดลูกอมตั้งแต่ต้นปี พร้อมทั้งเปิดตำราใช้ Retro Marketing นำฮอลล์ เลดี้มาปัดฝุ่นใหม่ สำหรับบิ๊กแคมเปญแห่งปีที่ครบรอบ 50 ปีในประเทศไทย 
       ความสำคัญของฮอลล์ เลดี้ในครั้งนี้ก็คือเพื่อกระตุ้นการรับรู้ของแบรนด์แก่ผู้บริโภค เพราะหลายคนยังจดจำได้ รวมไปถึงการใส่ Heritage ให้แบรนด์เป็นกิมมิกเล็กๆ โดยนำอินไซต์จากผู้บริโภคในยุคนี้ที่มีความชื่อชอบอะไรที่เป็นเรโทร หรือย้อนยุคจึงมีการทำแพ็กเกจจิ้งใหม่ที่มีฮอลล์ เลดี้อยู่บนซองเป็นลิมิเต็ดอิดิชั่นเฉพาะช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม
กรกต วุฒิหิรัญธำรง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์ลูกอมและหมากฝรั่ง บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แคมเปญนี้ถือเป็นแคมเปญใหม่แห่งปี และเราออกตัวเร็วเพราะต้องการกระตุ้นตลาดใช้โอกาสครบรอบ 50 ปีฮอลล์ในประเทศไทยด้วย เราพบว่าคนยังจำฮอลล์ เลดี้ได้เป็นอย่างดีจากกล่องลูกอมที่กลายเป็นของสะสมไปแล้ว เราจึงนำฮอลล์ เลดี้มาสร้างตำนานให้ฮอลล์ ซึ่งผู้บริโภคในยุคนี้ชอบอะไรที่เรโทรด้วย”



         “ตลาดลูกอมถือเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิการค้าที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด และไม่มีการหยุดนิ่ง ในการพัฒนาทั้งด้านผลิตภัณฑ์ตัวสินค้า หรือช่องทางต่างๆ ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มลูกค้าเก่า และกลุ่มลูกค้าใหม่ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาด โดยใช้จุดแข็งและความเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นรสชาติหรือสรรพคุณของลูกอมให้เป็นที่ถูกลิ้น ถูกคอ แก่ผู้บริโภค รวมทั้งความสะดวกและความทันสมัยของบรรจุภัณฑ์ เพื่อเป็นการดึงดูดผู้บริโภค ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะวัยเด็กจนถึงวัยชราได้
     
       เงินหนึ่งบาทซื้อลูกอมได้หนึ่งเม็ด สองบาทซื้อได้ 3 เม็ด ดูเป็นตลาดสินค้าราคาถูก เข้าถึงได้กับคนทุกวัย แต่กระนั้นหากดูมูลค่าตลาดรวม ตลาดลูกอมกลับมีมูลค่าสูงและมีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ท่ามกลางการแข่งขันของผู้ประกอบการ ในการผลิตสินค้าเพื่อออกมากระตุ้น และสร้างสีสันให้ตลาดอย่างต่อเนื่อง

Event
ฮอลล์ทุ่มงบกว่า100ล้านบาท อัดแคมเปญกระตุ้นตลาดคืนกำไรลูกค้า จัดกิจกรรมโปรโมททั่วประเทศ
ฮอลล์ เชื่อแม้สภาวะเศรษฐกิจไม่ดี แต่ไม่กระทบมาก เน้นแผนเพิ่มความถี่การบริโภคของลูกค้ามากขึ้น  ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท จัดแคมเปญคืนกำไรลูกค้า ฉลองครบรอบ 50 ปี ตั้งเป้ายอดขายปี59โตตัวเลขสองหลัก  นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดลูกอมปี 2558 ว่า มีมูลค่ารวมที่ 8,100 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 6.7 % โดยลูกอมเม็ดแข็งเติบโต 11.8 %  มีผู้ประกอบการรายใหญ่ ประมาณ แบรนด์ได้แก่ ฮอลล์ , คอลเล็ต, โอเล่ และ ฮาร์ทบีท โดยมีผลิตภัณฑ์ลูกอมเม็ดแข็งที่ครองส่วนแบ่งสูงที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 43% ของตลาดโดยรวม ซึ่งมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 7%โดยฮอลล์ มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด สัดส่วน  23.8%(แบ่งแบรนด์ฮอลล์  เบส 18.2% และฮอลล์ XS 5.6%)  และคาดว่าในปี 2559 ตลาดรวมลูกอมจะเติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 10% เนื่องจากมีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาในตลาดมากขึ้น โดยได้ทำการจัดอีเว้นท์และกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในสถานที่ต่างๆทั่วกรุงเทพมหานคร และตามต่างจังหวัด
Update ล่าสุด จาก Thailand
ฮอลล์ Limited Edition”
       ในช่วง มกราคม-มีนาคม 2559 ฮอลล์ออกแพคเกจจิ้งใหม่เป็นรูป ‘Halls Lady Limited Edition’ สำหรับรสเมนโทลิปตัส และน้ำผึ้งผสมกลิ่นเลมอน เป็นการเฉลิมฉลองที่ฮอลล์ได้มอบความเย็นสดชื่นคู่คนไทยมาครบ 50 ปี  พอได้เห็น ฮอลล์เลดี้’ กลับมาอยู่คู่กับลูกอมฮอลล์อีกครั้งภาพกระป๋องฮอลล์สังกะสีหลากรสที่วางเรียงกันอยู่หน้าร้านโชว์ห่วยเมื่อสักยี่สิบปีก่อนก็ลอยมาทันที


Tuesday, November 1, 2016

KITKAT


คิทแคท คือ ขนมหวานเวเฟอร์แบบแท่งเคลือบช็อคโกแลต คิดค้นโดยโรวน์ทรี ที่เมือง ยอร์ค ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันผลิตส่งไปทั่วโลกภายใต้บริษัท เนสท์เล่ (ซึ่งซื้อกิจการโรวน์ทรีตั้งแต่ปี 1988) ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่มีการผลิตภายใต้ เฮอร์ชี่่ คิทแคทหนึ่งบาร์(หรือเรียกเป็นชิ้นก็ได้) ประกอบด้วยเวเฟอร์สามชั้น เคลือบชั้นนอกสุดด้วยช็อคโกแลต แต่ละบาร์สามารถหักออกเป็นเวเฟอร์แท่งๆได้ คิทแคทหนึ่งบาร์จะประกอบไปด้วยเวเฟอร์สองหรือสี่แท่ง ส่วนคิทแคทแบบชังกี้ บาร์สจะเป็นแบบชิ้นใหญ่ๆชิ้นเดียวมีรอยแบ่งเป็นสามส่วน
     คิทแคทเป็นผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตนมสอดไส้เวเฟอร์ของเนสท์เล่ ซึ่งวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในปี 1935 เมื่อ 80 ปี ที่แล้ว และได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั่วโลกอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน คิทแคทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยผสมผสานช็อกโกแลตและเวเฟอร์ให้มีความหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ซึ่งคิทแคทขนาด 4 แท่ง 35 กรัม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย ความสำเร็จของคิทแคท ยังเกิดจากการสร้างแบรนด์อย่างสม่ำเสมอและการสื่อสารกับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้สโลแกนติดปากอย่าง 'คิดจะพัก คิดถึงคิทแคท' เหล่านี้ คือกุญแจสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของคิทแคท

นอกจากคิทแคทเคลือบช็อคโกแลตนมที่เป็นที่โปรดปรานของผู้บริโภคทั่วโลก เนสท์เล่ประเทศไทยได้นำ คิทแคทชาเขียวอีกหนึ่งการพักที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชาวญี่ปุ่น มาให้ไทยได้สัมผัสความหอมจากชาเขียวแท้ที่ผสมผสานกับช็อกโกแลตสอดไส้เวเฟอร์กรุบกรอบ จนได้ขนมที่อร่อยลงตัว


     ตลาดช็อกโกแลตในประเทศไทยมี 4 เซกเมนต์ คือ ชนิดบาร์ หรือแท่ง (Moulded) ชนิดสอดไส้ (Countline) ชนิดชิ้นพอดีคำ (Bite Size) และชนิดของขวัญ (Gifting) มูลค่ารวมประมาณ 5.1 พันล้านบาท แต่ละปีมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2555-2557) เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% โดยส่วนใหญ่ใช้ช่องทางจัดจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ 60% ห้างสรรพสินค้า 33% และร้านโชวห่วย 7%




SWOT Analysis (Kit Kat)
Strengths
เป็นแบรนด์ที่แข็งแรง ภายใต้เนสท์เล่
เป็นผู้ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด
•Kit Kat มีความคิดสร้างสรรค์ที่เรียบง่ายและมองเห็นโฆษณาที่สโลแกน "คิดจะพัก คิดถึง Kit Kat" สร้างการรับรู้ในหมู่ลูกค้าโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งจะสร้างการรับรู้แบรนด์สูง
ชุดผลิตภัณฑ์แคทสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายในขณะที่มันสามารถพบได้ในร้านขายของชำขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ไฮเปอร์มาร์เก็ต
ราคาไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
Weaknesses
ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ ถ้าคุณกินอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดโรคเบาหวานเพราะความหวานของช็อคโกแลต
การบรรจุภัณฑ์ยังไม่เป็นที่ดึงดูดใจ
ช็อคโกแลตละลายเร็ว
•Kit Kat  ออกช็อคโกแลตรสชาติใหม่ แต่ไม่ค่อยติดตลาด ผู้บริโภติยมแต่รสดั้งเดิม
การจัดจำหน่ายยังไม่ทั่วถึงโดยเฉพาะหมู่บ้านเล็กๆ
Opportunities
การเจริญเติบโตของตลาดช็อคโกแลตสูงขึ้น
คนไทยหันมาบริโภคช็อคโกแลตมากขึ้น
การเจริญเติบโตของเทคโนโลยีช่วย Kit Kat อย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเป็นที่มีคุณภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพได้โดยทำจากช็อคโกแลต
Threats
สังคมใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น
ภัยคุกคามจากสินค้าทดแทน
เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย
STP
SEGMENTATION
Geographic Segmentation ทั้งในเขตเมืองและชนบทประชากรแบ่งกลุ่มทุกเพศทุกวัย
 Psychographic Segmentation ความปรารถนาของ Consumerสำหรับช็อคโกแลต ผู้ที่มีความชื่นชอบช็อคโกแลต
 TARGETING
      Kit Kat กลุ่มเป้าหมาย:
           ·ทั่วทุกเพศทุกวัยส่วนใหญ่ ผู้บริโภคหลักเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยเริ่มทำงานทั้งชายและหญิงที่มีอายุ 15-34 ปี แบ่งเป็นผู้หญิง 60% ผู้ชาย 40%
           ·ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่วัยรุ่นและนักเรียนนักศึกษา
POSITIONING
      ให้ผู้บริโภคนึงถึง Kitkat หากต้องการทานช็อคโกแลต ตามสโลแกนที่ว่า คิดจะพัก คิดถึงKitkat   และเป็นช็อคโกแลตที่มีคุณภาพสูง แต่ราคาไม่แพง

การทำการสื่อสารการตลาดของทาง Kit kat thailand
โฆษณา (Advertising) Kit kat มีการทำโฆษณาหลายรูปแบบเพื่อเข้าถึงลูกค้าที่มีหลากหลายกลุ่มทั้ง


โฆษณาทางโทรทัศน์

โฆษณา ณ จุดขาย (Point of Purchase) การสื่อสาร ณ จุดซื้อ จึงมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นด่านสุดท้ายของการตัดสินใจซื้อผลการวิจัยหลายฉบับของต่างประเทศ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าผู้บริโภคจำนวน 60% ซื้อสินค้า เพราะถูกหลอกล่อด้วย POP


โฆษณาบน Internet (Banner Ad)
Youtube ผ่านทางช่อง เนสท์เล่ โดยมีการอัพโหลดวิดีโอหนังสั้นโฆษณาของผลิตภัณฑ์ของ kitkat


เว็บไซต์มีเว็บไซต์หลักของ https://www.nestle.co.th/th/brands/chocolate_confectionary/kitkat ที่มีข่าวประชาสัมพันธ์ สินค้า โปรโมชั่น ของ kitkat รวมไปถึงการทำคลิปสาธิตวิธีการทำซักผ้าง่ายๆ เคล็ดลับต่างๆของเรื่องภาพ ที่ผู้ชมสามารถทำตามได้ที่บ้าน
Facebook โดยทาง kitkat มีการเลือกใช้สื่อของ Facebook เพื่อให้เข้ากับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีความรวดเร็วในการลงสื่อต่างๆ โดยใช้เป็นสื่อหลักในการทำกิจกรรม จัดโปรโมชั่นต่างๆ

Sell Promotion
ในส่วนของการทำโปรโมชั่นของ kitkat มีการทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการขายและการซื้อจากทั้งลูกค้าและร้านค้า เพื่อให้ลูกค้ามีการซื้อที่เพิ่มมากขึ้น การส่งเสริมการซื้อการขายโดยการ แจกทอง แลกตั๋วหนัง ซื้อคิทแคทแถมแสตมป์ ลดราคาต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าซื้อของเพิ่มขึ้น สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ลูกค้าเห็นถึงความสำคัญของสินค้า




ข่าวประชาสัมพันธ์ PR
คุณก็พักแบบญี่ปุ่นได้ คิทแคท ชาเขียว ใหม่ ลองซะ!
     สิ้นสุดการรอคอยสำหรับสาวกคิทแคทชาเขียว บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ขอแนะนำ คิทแคท ชาเขียว ครั้งแรกในประเทศไทย อร่อยฟินกับขนมชาเขียวสอดไส้เวเฟอร์ที่ผสานความหอมของชาเขียวมัทฉะแท้แบบญี่ปุ่นกับเวเฟอร์อย่างลงตัว เป็นช็อกโกแลตขวัญใจวัยรุ่นภายใต้แนวคิด "คุณก็พักแบบญี่ปุ่นได้" และได้รับเครื่องหมายรับรอง "ฮาลาล" จากสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย มีวางจำหน่ายแล้วที่เซเว่น-อีเลฟเว่น และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ ใน 3 ขนาดได้แก่ 17 กรัม ราคา 20 บาท 35 กรัม ราคา 35บาท และ 136 กรัม ราคา 115 บาท อร่อยได้ง่ายๆ ที่เมืองไทยในราคาสบายกระเป๋า ไปลองกันซะ!


Events ของ Kitkat
อาเล็กนำทีมเน็ตไอดอล เสิร์ฟความอร่อย เปิดตัว คิทแคท ชาเขียวครั้งแรกในไทย


สิ้นสุดการรอคอยแล้ว สำหรับไอเท็มยอดนิยมอันดับต้นๆ ที่คนไทยแห่ไปซื้อจากญี่ปุ่นเป็นของฝากเพื่อนฝูง เพราะ คิทแคท โดย บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม เพื่อโภชนาการ สุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีระดับโลก ได้เชิญหนุ่มอารมณ์ดี อาเล็ก-ธีรเดช นั่งแท่น
          แบรนด์แอมบาสเดอร์ของคิทแคท แทคทีมเน็ตไอดอลขวัญใจคนรุ่นใหม่ ม๊าเดี่ยว-อภิเชษฐ์ และ เบ๊น อาปาเช่เปิดตัว "คิทแคท ชาเขียว" อย่างเป็นทางการครั้งแรกในเมืองไทย อร่อยกับขนมชาเขียวสอดไส้เวเฟอร์ที่ผสานความหอมของชาเขียวมัทฉะแท้แบบญี่ปุ่นกับเวเฟอร์อย่างลงตัว เสิร์ฟประสบการณ์พักกับความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นในราคาสบายกระเป๋า และหาซื้อง่ายให้กับแฟนๆ และเหล่าวัยรุ่นได้สัมผัสทั่วประเทศ ณ ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน



Update ล่าสุด จาก Thailand


พักดูหนังฟรีกับคิทแคท
เงื่อนไข
นำซองเปล่า คิทแคท ขนาด 102 กรัม 4 ซอง  มารับสิทธิแลก บัตรชมภาพยนตร์ฟรี 1 ที่นั่ง ที่เคาน์เตอร์ M-Corner  โดยรับ Code เพื่อแลกซื้อบัตรชมภาพยนตร์ที่ตู้ E-ticket
บัตรชมภาพยนตร์ฟรี เฉพาะที่นั่งปกติ ในระบบ Digital 2D เท่านั้น (สามารถอัพเกรดที่นั่งเป็น Honeymoon Seat หรือระบบ Digital 3D ได้โดยจ่ายเพิ่มส่วนต่างจากราคาที่นั่งปกติ)
• 1 คนสามารถแลกได้ไม่จำกัด
ลูกค้าสามารถทำรายการจองรอบและบัตรภาพยนตร์ในวันที่ทำการแลกสิทธิ์เท่านั้น
โปรโมชั้นนี้มีจำนวนจำกัด 13,000 สิทธิ์
สิทธิพิเศษนี้ไม่สามารถแลก เปลี่ยน โอน หรือ ทอนเป็นเงินสด และไม่สามารถร่วมกับโปรโมชั่น รายการส่งเสริมการขายอื่นๆ ได้
บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์เก็บชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ไว้เป็นหลักฐานการแลกรับสิทธิ์
บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ตั้งแต่วันที่  1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2559
สาขาที่ร่วมรายการ : เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, อีจีวี ทุกสาขา, พาราไดร์ ซีนีเพล็กซ์, หาดใหญ่ ซีนีเพล็กซ์, อีสต์วิลล์ ซีนีเพล็กซ์, เวสต์เกต ซีนีเพล็กซ์, และ ไดอาน่า ซีนีเพล็กซ์